รูปที่ 1 สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ)
หากจะกล่าวไปแล้ว
หลายๆท่าน อาจจะยัง ไม่เคยได้ยินชื่อหรือรู้จักกับพระเถระผู้ใหญ่ท่านนี้ ผิดกับข้าพเจ้าที่เกิดและเติบโต อยู่ในหมู่บ้านละแวกใกล้ๆ กับ บ้านโต้น
ตำบลบ้านโต้น อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเกิดมาก็ได้ยินชื่อท่านเลย และไม่ว่าจะเป็นคนแก่
เด็กเล็ก คนหนุ่ม คนสาว ก็มักจะเรียกท่านว่า หลวงปู่เฒ่า ท่านเป็นพระที่ใจดี สมะถะ
และชอบสอนการนั่งกรรมฐานเป็นประจำ และท่านยังเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ยาวไกลที ่สุดในบรรดาพระภิกษุไทยสมัย
25 พุทธศตวรรษ เป็นผู้บุกเบิกเส้นทางเดิ นของพระธรรมทูตไทยในยุคปัจจุบัน
นำร่องสร้างทั้งวัดไทยพุทธคยา- อินเดีย วัดพุทธปทีป-อังกฤษ
และวัดไทยแอลเอ-สหรัฐอเมริกา
ชื่อ : สมเด็จพระพุฒาจารย์
(อาจ อาสโภ) [
เมื่อปีพ.ศ. 2528 เป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์]
สมณะศักดิ์ : สมเด็จพระราชาคณะ อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร
ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
ประวัติโดยย่อ : สมเด็จอาจ อาสโภ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่
8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 แรม 4 ค่ำเดือน 12 ณ บ้านโต้น ต.บ้านโต้น อ.เมือง สมเด็จพระพุฒาจารย์ มีนามเดิมว่า คำตา ดวงมาลา
เป็นบุตรคนโตของนายพิมพ์ และนางแจ้ ดวงมาลา จังหวัดขอนแก่น มีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งสิ้น 4
คนท่านเป็นบุตรคนโต น้องอีกสามคนคือ นางบี้ นายเพิ่ม และนางเอื้อ ตามลำดับ
เมื่ออายุ 14 ปี
ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดศรีจันทร์ จ.ขอนแก่น โดยมีอาจารย์พระหน่อ
วัดศรีจันทร์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาท่านย้ายมาอยู่กรุงเทพฯเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
รูปที่ 2 เมื่อครั้งอุปสมบทเป็นพระ
รูปที่ 3 ขณะที่ท่านถูกจองจำในคุก ปี พ.ศ. 2505-2509
เมื่อท่านได้รับการปล่อยตัวออกม ท่านได้กล่าววลีเด็ดไว้ว่า “ จงชนะความร้ายด้วยความดี “ และ สร้างเหรียญรุ่นแรก ออกมา เป็น เนื้อทองเหลือง, ทองแดงรมดำ เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจให้สาธุชนรุ่นหลัง ว่า อย่าได้อาฆาตพยาบาทใคร ดังวลีที่ท่านกล่าวไว้ข้างต้น ไม่ว่าท่านจะถูกใส่ร้ายป้ายสีจากคณะสงฆ์ ขนาดนั้น ท่านไม่เคยถือโทษโกรธเคืองแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยัง บำเพ็ญภาวนา และแผ่เมตตาแก่บุคคลเหล่านั้นอีกด้วย
รูปที่ 4 วันที่พ้นข้อกล่าวหา 2509
รูปที่ 5 เหรียญรุ่นแรก “จงชนะความร้ายด้วยความดี
“ เนื้อทองแดงรมดำ
สมเด็จอาจ ท่านมรณะภาพเมื่อ 8 ธันวาคม พ.ศ.
2532 ด้วยอาการอาพาธ และภาวะหัวใจวาย ด้วยอาการสงบ สิริอายุได้ 86 ปี 1 เดือน
66 พรรษา
เกร็ดความรู้ : สมเด็จอาจ ท่านยังเป็นบุคคลแรกที่นำการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐานสี่
(หรือแบบยุบหนอ-พองหนอ) จากพม่ามาเผยแพร่ในประเทศไทย โดยเปิดสอนครั้งแรกที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
ในปี พ.ศ. 2496 จากนั้นจึงขยายไปเปิดสอนที่สาขาอื่นทั่วราชอาณาจักร
มีการตั้งกองการวิปัสสนาธุระที่วัดมหาธาตุฯ ต่อมาถูกยกสถานะเป็นสถาบันวิปัสสนาธุระ
สังกัดมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524
และได้เผยแพร่การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแบบยุบหนอ-พองหนอจนแพร่หลายดังปัจจุบัน
ตุ่นหนุนดวง
06 กุมภาพันธ์ 2557
ขอขอบคุณที่มาทั้งหลาย:
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น